ประโยชน์ของ
กาแฟ
- อ้างอิงจากวิทยาศาสตร์ -
มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
กาแฟถือเป็นเครื่องดื่มสุขภาพบนโต๊ะอาหาร
ส่วนใหญ่ของชาวตะวันตก
เนื่องจากกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก
มีงานวิจัยหลายแห่งพบว่าสำหรับชาวชาวตะวันตกพวกเขาได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากกาแฟ
มากกว่าจากการทานผักและผลไม้ในมื้อปกติ
จึงอาจสรุปได้ว่า
สำหรับชาวตะวันตกแล้ว
กาแฟคือหนึ่งในเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ
มากที่สุดในโลก
ช่วยให้คุณมีชีวิตอยู่ได้
นานขึ้น
งานวิจัยพบว่าผู้ดื่มกาแฟจะมีอายุยืนยาวกว่า และมีความเสี่ยงเสียชีวิตก่อนวัยอันควรลดลง 20-26%
ผู้ที่ดื่มกาแฟมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคร้ายแรง
ยากกว่า จึงมีโอกาสที่จะมีอายุยืนยาวขึ้น
การวิจัยโดยการสังเกตพบว่าผู้ดื่มกาแฟ
มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม
จากงานวิจัยที่ศึกษานาน 18 ถึง 24 ปี พบว่า
ผู้ที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตลดลง
20% สำหรับผู้ชาย และ 26% สำหรับผู้หญิง
[1]
งานวิจัยอีกแห่งที่มีการศึกษานานถึง 20 ปี พบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ดื่มกาแฟ
มีความเสี่ยงการเสียชีวิตลดลง 30%
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
[2]
ช่วยลดความเสี่ยง
โรคหัวใจ
และโรคหลอดเลือดสมอง
คาเฟอีนเพิ่มระดับความดันโลหิตในปริมาณ
3-4 หน่วยมิลลิเมตรปรอท
เป็นปริมาณที่ส่งผลน้อย และผลจะค่อยๆหายไป
หากดื่มกาแฟเป็นประจำ
ผู้ดื่มกาแฟบางรายอาจได้รับผลจากคาเฟอีน
มากกว่าปกติทำให้ระดับความดันโลหิต
อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยชี้ว่าการดื่มกาแฟนั้นไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคหัวใจเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ในทางตรงกันข้ามพบว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ
มีความเสี่ยงโรคหัวใจลดลง
[7]
และยังมีการวิจัยอีกว่า ผู้ดื่มกาแฟมีความเสี่ยง
โรคหลอดเลือดสมองลดลงถึง 20%
ช่วยลดความเสี่ยงของ
มะเร็งบางประเภท
มะเร็งเกิดจากการเจริญเติบโตที่ไม่สามารถควบคุมได้ของเซลล์ในร่างกาย เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆของโลก
กาแฟมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับและลำไส้ใหญ่ได้ถึง 15-40%
ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับที่ 3 และ 4 จากผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วโลก
งานวิจัยพบว่าผู้ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับลดลงถึง 40%
ขณะเดียวกันการศึกษาใน 489,706 ค้นพบว่า ผู้ดื่มกาแฟ 4-5 แก้วต่อวัน มีความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลงถึง 15%
ช่วยลดความเสี่ยง
ภาวะซึมเศร้า
กาแฟสามารถช่วยลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า
และเพิ่มความสุขได้
โรคซึมเศร้าเป็นโรคร้ายแรงที่ทำให้คุณภาพของชีวิตลดลงมาก ประมาณ 4 % ของคน
ในสหรัฐอเมริกาเป็นโรคซึมเศร้า
ปี2011 การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 4 แก้วทุกวัน
ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้าได้ถึง 20 %
จากงานวิจัยอีกแห่งที่ศึกษา 208,424 คน
พบว่าผู้ดื่มกาแฟมากกว่า 3 แก้วต่อวัน
มีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย
ลดลง 53%
ลดความเสี่ยง
โรคตับแข็ง
การดื่มกาแฟลดความเสี่ยงโรคตับแข็งได้ 80%
ตับ ทำหน้าที่สำคัญหลายอย่างในร่างกาย
โรคที่เกี่ยวข้องกับตับที่พบบ่อยในผู้ป่วยทั่วไป ได้แก่ ตับอักเสบ ไขมันพอกตับ และอื่น ๆ
ทั้งหมดล้วนเป็นสาเหตุที่นำไปสู่โรคตับแข็งได้
จากการวิจัยพบว่ากาแฟอาจช่วย
ป้องกันโรคตับแข็งได้
โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มวันละ 4 แก้วขึ้นไปมีความเสี่ยงเป็นโรคตับแข็งลดลงมากถึง 80%
ลดความเสี่ยงโรคพาร์กินสัน
การดื่มกาแฟลดความเสี่ยงพาร์กินสัน
ได้มากถึง60%
พาร์กินสันเป็นโรคที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโรคระบบประสาทรองจากอัลไซเมอร์
โดยมีสาเหตุจากการที่เซลล์ประสาทที่ผลิต
โดพามีนในสมองได้ตายลง
เช่นเดียวกับโรคสมองเสื่อม ที่ยังไม่มีวิธีรักษา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้วิธีป้องกัน
งานวิจัยหลายแห่งพบว่าคาเฟอีนในกาแฟช่วยลดความเสี่ยงโรคพาร์กินสันมากถึง 32-60%
ป้องกัน โรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม
การดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะสมองเสื่อมของผู้ป่วยทั่วโลกได้อย่างมาก
อัลไซเมอร์เป็นโรคทางระบบประสาทที่พบมากที่สุดและเป็นสาเหตุหลักของภาวะสมองเสื่อม
โรคนี้มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
และปัจจุบันยังไม่มีการรักษาทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายวิธีที่จะป้องกัน
โรคอัลไซเมอร์ เช่น การกินเพื่อสุขภาพและ
การออกกำลังกาย
นอกจากนี้การดื่มกาแฟอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้เช่นกัน
ผลวิจัยหลายแห่งพบว่า ผู้ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ลดลงมากถึง 65%
ลดความเสี่ยง โรคเบาหวาน
ประเภทที่ 2
ปัจจุบันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญและส่งผลร้ายต่อผู้ป่วย
หลายล้านคนทั่วโลก
อินซูลิน ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากที่ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือ
การหลั่งอินซูลินที่น้อยลง
การศึกษาพบว่าผู้ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลดลง 23-50%
งานวิจัยแห่งหนึ่งพบว่ามีการลดลงของ
ความเสี่ยงในผู้ดื่มกาแฟบางรายมากถึง 67%
ผลวิจัย 18 แห่งจากการศึกษาทั้งหมด
457,922 คน พบว่า
การดื่มกาแฟหนึ่งแก้วต่อวันช่วย
ลดความเสี่ยงเบาหวานชนิดที่ 2 ถึง 7%
กาแฟมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
กาแฟมีสารอาหารที่สำคัญหลายอย่าง
เช่น วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 แมงกานีส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี 3
สารอาหารหลายชนิดที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟผ่านการบด และการชง เป็นกาแฟหนึ่งแก้ว ประกอบด้วยสารอาหาร [1]
ไรโบเฟลวิน (วิตามินบี2) : 11% ของ RDI
กรดแพนโทธีนิก (วิตามินบี5) : 6% ของ RDI
แมงกานีสและโพแทสเซียม : 3% ของ RDI
แมกนีเซียมและไนอาซิน(วิตามินบี3) : 2% ของ RDI
(RDI =ปริมาณสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับ/วัน)
แม้ว่าปริมาณสารอาหารอาจจะไม่ได้มากนักสำหรับกาแฟหนึ่งแก้ว
แต่การดื่มกาแฟหลายแก้วต่อวันทำให้ได้รับสารอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น
ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกาย
คาเฟอีนเพิ่มอะดรีนาลีนและกรดไขมันในร่างกายได้
ทำให้สมรรถภาพทางกายสูงขึ้นอย่างมาก
คาเฟอีนช่วยกระตุ้นระบบประสาทเพื่อส่งสัญญาณไปยังเซลล์ไขมันให้ช่วยย่อยสลายไขมันในร่างกาย
กาแฟยังช่วยเพิ่มอัตราการหลั่งสารอะดรีนาลีน
ในร่างกาย ซึ่งมีความจำเป็นต่อระบบหัวใจ
และหลอดเลือด
คาเฟอีนจะช่วยย่อยสลายไขมันในร่างกาย โดยการเปลี่ยนเป็นกรดไขมันสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงาน
[5][6]
คาเฟอีนเพิ่มสมรรถภาพทางกายได้
โดยเฉลี่ย 11-12%
สรุปแล้ว การดื่มกาแฟสักแก้วประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนออกกำลังกายจะส่งผลดีต่อร่างกาย
ช่วยเผาผลาญไขมัน
กาแฟช่วยเร่งการเผาพลาญไขมันในร่างกายได้
คาเฟอีนสามารถพบได้ทั่วไปในอาหารเสริมที่ช่วย
เผาผลาญไขมันเกือบทุกชนิด
เนื่องจากคาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติไม่กี่ชนิดที่พิสูจน์แล้วว่า ช่วยเผาผลาญไขมันได้
งานวิจัยพบว่าคาเฟอีนสามารถเพิ่มอัตรา
การเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 3 - 11%
คาเฟอีนสามารถเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
ได้ดีขึ้นถึง 10% ในผู้ที่เป็นโรคอ้วน
และมากถึง 29% ในผู้ที่มีน้ำหนักน้อย
อย่างไรก็ตาม คาเฟอีนจะมีผลเหล่านี้น้อยลงในผู้ที่ดื่มกาแฟมาเป็นเวลานาน
ช่วยให้สดใส กระปรี้กระเปร่า
และสมองคิดได้ดีขึ้น
คาเฟอีนในกาแฟทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
อารมณ์แจ่มใส มีสมาธิ ความจำ ความคิดที่ดีขึ้น
ช่วยให้รู้สึกเหนื่อยน้อยลง และทำให้ร่างกายสดชื่น
คาเฟอีนเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
ที่มีการบริโภคกันโดยทั่วไปมากที่สุดในโลก
หลังจากเราดื่มกาแฟ คาเฟอีนจะถูกดูดซึมผ่าน
กระแสเลือดเพื่อเดินทางไปยังสมอง
คาเฟอีนจะปิดกั้นการทำงานของสาร Adenosine ทำให้ไม่เกิดอาการเพลียหรือง่วง
ในทางกลับกันสารสื่อประสาท Norepinephrine และ Dopamine จะเพิ่มขึ้น
ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์สมอง
(Firing of Neurons)
งานวิจัยหลายแห่งพบว่าการดื่มกาแฟนั้น
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
เพิ่มความจำ ปรับอารมณ์ และทำให้มีสมาธิสูงขึ้น